บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วัน/เดือน/ปี...10....มีนาคม..2558...ครั้งที่...7..เวลาเรียน..08.30 - 12.20.... น
สิ่งที่ได้รับความรู้ในวันนี้
การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการเรียนเรื่อง การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
(ทักษะภาษา) ห้องเรียนที่มีการส่งเสริมทักษะทางภาษา เช่น มีตัวหนังสือ ตัวเลขติดตามห้อง มีเพลง มีคำคล้องจอง มีคำศัพท์ เป็นต้น
การวัดความสามารถทาภาษา
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
การวัดความสามารถทาภาษา
- เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
- ตอบสนองเมื่อมีคนอื่นพูดด้วยไหน
- ถามหาสิ่งต่างๆไหม
- บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
- ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
- ครูหรือผู้ใหญ่ไม่ควรสนใจการพูดติดขัด การพูดไม่ชัดของเด็ก และห้ามบอกเด็กว่า “พูดช้า” “ตามสบาย” “คิดก่อนพูด” และอย่าขัดจังหวะเวลาเด็กพูดเพราะขัดจังหวะจะทำให้เด็กไม่มีความ มั่นใจในการพูดครั้งต่อไป
- ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่ไม่ดีและคนเป็นครูไม่ควรที่จะเปรียบเทียบเด็กไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เพราะจะทำให้เด็กขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าแสดงออกและเด็กก็จะเกิดปมในใจ
- เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวเนื่องจากการได้ยินครูควรสังเกตพฤติกรรมเด็กไปเรื่อยๆ หาวิธีแก้ไขและส่งเสริม หาสาเหตุที่แท้จริง และครูก็อย่าด่วนสรุปการพูดไม่ชัดของเด็กไปเอง เพราะเด็กอาจจะได้ยินเสียงผิดปกติ หรือลิ้นไก่สั้นก็เป็นได้
ทักษะพื้นฐานทางภาษา
- ทักษะการรับรู้ภาษา
- การแสดงออกทางภาษา
- การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด
- หากเด็กพิเศษทำได้ 2 ข้อ ถือว่าเก่งมาก
ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
- การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา การเข้าใจสีหน้าแบะแววตา
- ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด ภาษาท่าทาง กิริยาอาการที่แสดงออกมา
- ให้เวลาเด็กได้พูด รับฟังความคิดเห็นของเด็ก เปิดโอกาสให้เด็ได้แสดงออกทางความคิดผ่านการพูดหรือผลงาน
- คอยให้เด็กตอบ(ชี้แนะหากจำเป็น) ขณะทำกิจกรรมหรือทำเสร็จครูอาจจะใช้คำถามให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นของเขา หากเด็กยังตอบไม่ได้ครูก็อาจจะชี้แนะแนวทางเพื่อให้เด็กมั่นใจที่จะตอบมากยิ่งขึ้น
- เป็นผู้ฟังที่ดีและโตตอบอย่างฉับไว เมื่อเด็กแสดงความคิดหรืออวดผลงานของตนเอง ครูควรที่จะชมทันทีและไม่พูดยาวเกินไปพูดแค่สิ่งที่เด็กต้องการที่จะสื่อสารกับเรา หรือครูไม่ควรพูดมาก
- เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังอย่างเดียว อาจจะเรียนรู้ผ่านภาพ ผ่านเสียงเพลง การการสนทนา ผ่านตัวหนังสือที่แปะตามห้องเรียน เป็นต้น
- ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษจะเลียนแบบเด็กปกติ เด็กปกติเปรียบเสมือนครูของเขา เด็กพิเศษจะดูแล้วก็ทำตาม
- การกระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่ควรคาดการณ์ล่วงหน้า)
เช่น การใส่ที่คาดผม เด็กกำลังใส่ที่คาดผมอยู่
- เข้าไปหา แล้วถามว่า "หนูกำลังทำอะไรอยู่คะลูก"
- หนูกำลังใส่ที่ คาดผม อยู่ใช่ไหมลูก
- ถ้าเด็กยังไม่ตอบ
- ให้ครูช่วยใส่ที่ คาดผม ไหมลูก (พูดที่คาดผมบ่อยๆ)
- ถ้าเด็กยังไม่พูด ครูจับมือเด็กแล้วใส่ให้เลย
ความรู้ที่ได้รับจากการดูวีดีโอ ผลิบานผ่านมือครู โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
- ทำให้เด็กมีสมาธิรู้จักการรอคอย
- มีทักษะการฟังมากยิ่งขึ้น
- กิจกรรมมีเพลงมีท่าทางประกอบเพื่อฝึกสมาธิ
- ใช้กิจกรรมเพื่อเรียกสมาธิตอนเช้าก่อนเข้าสู่กิจกรรมอื่น
- สำหรับเด็กพิเศษ มีห่วงมาร่วมกิจกรรมใช้เป็นเงื่อนไขในการทำกิจกรรม จาก 1 วงเพื่อขึ้นเรื่อยๆเพื่อความยากในการกระโดด ฝึกให้เด็กกระโดดจนกระโดดเก่ง เมื่อเด้กทำได้เขาจะเกิดความภูมิใจและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- การกระโดดเป็นการฝึกการกะระยะฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตา
งานศิลปะเพื่อเรียนสมาธิ
เปิดเพลงจังหวะดนตรีเบาๆ แล้วให้เด็กจับคู่กัน 2 คน แจกกระดาษ 1 แผ่นและหยิบสีคนละ 1 แท่ง แล้วลากสีเป็นรูปทรงเหลี่ยมมีมุม ห้ามมุมหักและเป็นรูปวงกลม และห้ามยกมือขึ้นจนกว่าเพลงจะจบ
เมื่อเพลงจบ ให้เด็ดระบายสีตรงมุมที่มีช่าวงว่างหรือตัดกัน
สิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรม
เปิดเพลงจังหวะดนตรีเบาๆ แล้วให้เด็กจับคู่กัน 2 คน แจกกระดาษ 1 แผ่นและหยิบสีคนละ 1 แท่ง แล้วลากสีเป็นรูปทรงเหลี่ยมมีมุม ห้ามมุมหักและเป็นรูปวงกลม และห้ามยกมือขึ้นจนกว่าเพลงจะจบ
เมื่อเพลงจบ ให้เด็ดระบายสีตรงมุมที่มีช่าวงว่างหรือตัดกัน
สิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรม
- มิติสัมพันธ์
- ฝึกสมาธิ
- พัฒนาอารมณ์และจิตใจ
- พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก
- ความสัมพันธ์ระหว่างมือและตา
- ความคิดสร้างสรรค์
- ด้านภาษา
- ด้านสังคมการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
- ใช้ในการส่งเสริมทักษะทางภาษากับเด็กปฐมวัยอย่างถูกวิธี
- เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะทางภาษา
- ใช้กับตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและเตือนตนเองอยู่เสมอ
- ใช้ในการเข้าใจความแตกต่างและธรรมชาติของเด็ก
- ใช้ในการฏิบัติตนเมื่อเป็นครูสอนเด็กพิเศษในอนาคต
- ใช้ในการจัดกิจกรรมให้เหมาะกับเด็ก
- ใช้ในการปรับพฤติกรรมและให้แรงเสริมที่ถูกต้องกับเด็กปฐมวัย
- ใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆ
- ใช้ในการปฏิบัติให้เป็นครูที่ดี มีความรู้และเป็นที่รักของเด็ก
- นำไปบอกต่อกับผู้ปกครองหรือเพื่อนที่ยังไม่รู้ในเรื่องของเด็กพิเศษ
ประเมินตนเอง
ประเมินเพื่อน
ประเมินอาจารย์
- เข้าเรียนตรงต่อเวลา
- แต่งกายเรียนร้อย
- ตั้งใจฟังอาจารย์สอน
- ตั้งใจจดบันทึกระหว่างเรียน
- คุยเก่งมาก
- ตั้งใจทำกิจกรรมในห้องเรียน
- ร้องเพลงได้อย่างไพเราะ
- เพลิดเพลินกับการเรียน
- เมื่อมีจำนวนคนเรียนเพิ่มขึ้นรู้สึกแปลกๆ
ประเมินเพื่อน
- เข้าเรียนตรงต่อเวลาแต่ก็มีมาสายมาก
- แต่งกายเรียบร้อย
- ตั้งใจทำกิจกรรมในห้อง
- ตั้งใจฟังอาจารย์สอนและตั้งใจร้องเพลงกันทุกคน
- เสียงดัง
ประเมินอาจารย์
- เข้าสอนตรงเวลา
- แต่งกายสุภาพเรียบร้อย
- สอนเข้าใจอธิบายเห็นภาพมาก
- ชอบที่อาจารย์ยกตัวอย่าง
- มีกิจกรรมที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาให้ทำ
- อยากให้อาจารย์นำกิจกรรมเยอะๆและแปลกใหม่มาให้ทำค่ะ
- ไม่ชอบให้อาจารย์ยืนกลางห้องเพราะอาจารย์จะมองไปแต่ข้างหน้าอบากให้อาจารย์ยืนหน้าห้องที่ทุกคนสามารถมองเห็นหน้าอาจารย์ เพราะถ้าหนูมองไม่เห็นหน้าอาจารย์หนูก็จะคุยอย่างเดียว...คริคริ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น